top of page

วิธีฝึกเคลียร์หูในฟรีไดฟ์ให้ได้ประสิทธิภาพ

รูปภาพนักเขียน: Vootipong LimpanitivatVootipong Limpanitivat

วิธีฝึกเคลียร์หูในฟรีไดฟ์ให้ได้ประสิทธิภาพ โพสจะโฟกัสไปที่การเคลียร์หูอย่างเดียว แต่ จะสามารถเอาไปปรับใช้ในการฝึกอื่นๆได้เหมือนกันครับ **แนะนำอ่านให้จบ**

  1. เราจะต้องเข้าใจเรื่อง stimulus,recovery,adaptation กันก่อน stimulus คือการฝึกอะไรก็ตามกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง, recovery คือการที่ร่างกายพักเพื่อให้เกิด adaptation ถ้าเราไม่พักเลย หรือ recovery น้อย ร่างกายจะไม่เปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราฝึกเคลียร์หูแล้วไม่มีวันพัก หรือ พักน้อยเกินกว่าที่ควรจะพัก ร่างกายจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือเปลี่ยนแปลงน้อย แต่ในทางกลับกันถ้าเราฝึกน้อยเกิน ร่างกายก็จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน เช่น เรารอแต่วันเสาร์-อาทิตย์ เพื่อที่จะได้ไปออกทะเล ฝึกเคลียร์หูลงความลึก แต่หารู้ไม่ว่า การฝึกอาทิตย์ละครั้งเป็นอะไร ไม่ได้ประสิทธิภาพมากเท่าไหร่ มันเหมือนเราฝึกปั่นจักรยาน ถ้าเราปั่นอาทิตย์ละครั้งกี่อาทิตย์ - กี่เดือนถึงจะได้ ?? ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคลด้วย

  2. การฝึกเคลียร์หู สามารถทำได้ทั้ง dry และ ในสระ โดยส่วนตัวผมจะใช้การฝึกเคลียร์หูในสระ มากกว่าในทะเล เพราะในทะเลผมฝึกได้มากสุด 2-3 ครั้ง เพราะดำมากกว่า 60 เมตรไม่ได้ (จะติด DCS) , ส่วน dry (ballon exercise) ก็จะฝึกตามเวลาว่างที่มี ฝึกได้ทุกที่ , ฝึก eq ในสระ สามารถทำได้หลายแบบ โดยส่วนใหญ่ๆก็ใช้ขาพาดสระแล้วฝึก โดยส่วนใหญ่ผมจะฝึก 60-70% dry/สระ 20-30% ผมจะไปฝึกในทะเล ถ้าฝึกในทะเลบาง session นั้นๆไม่มี deep dive หรือ ดำลึกเลย จะทำแต่ eq training อย่างเดียว เพราะจะ ฝึกเคลียร์หูได้เยอะ

  3. ต้องรู้ว่าตัวเองขาดอะไร ติดปัญหาตรงไหน ฝึกตรงนั้น ข้อนี้จะต้องใช้ประสบการณ์ หรือต้องให้ครูที่มีประสบการณ์ดู การเคลียร์หูมันไม่เหมือนกับการฝึกท่าทางวิ่ง(ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ) เพราะการฝึกท่าทางวิ่งเราสามารถเห็นได้จากภายนอก แต่การฝึกเคลียร์หู มันแถบจะเห็นได้ยากมากจากภายนอก บางทีเราทำถูกแต่มันไม่เคลียร์ ก็มีเหมือนกัน หลักๆ คือ เราจะต้องเข้าใจ anatomy และเข้าใจความเป็นไปได้ต่างๆ ที่เป็นไปได้ว่าทำไมเราถึงทำไม่ได้ แล้ว ฝึกตรงนั้นให้ถูกต้อง eq exercise ต่างๆต้องเข้าใจว่าทำไปเพื่ออะไร ทำไมเราถึงทำแบบนี้ และ ทำถูกจริงๆ หรือไม่ การ focus เป็นสิ่งสำคัญ

  4. ทำ testing หลังจากข้อ 2-3 เราฝึกมาแล้วแนะนำให้ทำ testing ทุกๆ 2 สัปดาห์ หรือทุกเดือน โดย testing คือผลวัดว่าสิ่งที่เราฝึกมาเน้นได้ผลไหม หรือมีประสิทธิภาพไหม ถ้าเรามัวแต่ฝึก แต่ไม่ไปลองใช้จริง หรือดำจิงก็จะไม่รู้จะฝึกไปทำไมถูกไหม? ในทางกลับกัน ถ้าฝึกแล้วไป test แล้ว แล้วไม่เกิดการพัฒนา (สักนิด) เราควรกลับมาดูข้อ 3. อีกทีว่าเราฝึกถูกไหมทำถูกไหม และ เราฝึกบ่อยแค่ไหน ถ้าคิดว่าฝึกบ่อยแล้ว ลองหาทางเปลี่ยนรูปแบบการฝึกดู หรือหาครูที่ปรึกษา เพราะการฝึกช่วงแรกๆ สำหรับคนที่หัดดำ จะโชว์เห็นพัฒนาการเร็วมาก แล้ว มันจะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ คล้ายๆ กับการลดน้ำหนัก(ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ) เราจะลดน้ำหนักช่วงแรกได้เร็วๆ มากๆ ถ้าเราตั้งใจทำและถูกวิธี แต่สุดท้ายแล้ว มันจะลดได้น้อยลงมากๆ และ จะค่อยเห็นผลน้อยลงเรื่อยๆ

  5. อย่ามัวแต่รอบัดดี้อย่าเสียเวลา มีวินัยกับตัวเอง dry training, pool training สามารถฝึกคนเดียวได้ แต่รู้หลักการฝึกที่ถูกต้อง การมีบัดดี้นั้นก็ดี ช่วยกระตุ้นให้เราฝึกอยู่ตลอด แต่ถ้าวันไหนไม่มีบัดดี้ วันนั้นคุณเสียโอกาศฝึกทันที และถ้ามัวแต่รอก็ไม่ได้ฝึก และเสียโอกาศฝึกไปด้วย Enjoy Freediving ครับผม สรุปคือ ฝึกให้ถูกจุด (smart training) และสม่ำเสมอ (consistency) #freediving #equalization #ฝึกเคลียร์หู #ฝึกฟรีไดฟ์ #frenzel




תגובות


bottom of page